ลูกค้าต้องการคุณสำหรับการทำแคมเปญ Email Marketing ที่กี่ยวข้องกับผู้รับและเป้าหมายทางการตลาดของพวกเขา ในขณะที่ลูกค้าแต่ละรายก็จะแตกต่างกันออกไป ในการทำวิจัยทำให้รู้ว่าสิ่งที่นักการตลาดสนใจมากที่สุดคือการเพิ่มขึ้นของลูกค้า การดูแลลูกค้า และการปรับแต่งอีเมลส่วนบุคคล
เราต้องใช้เป้าหมายเหล่านั้นในการสำรวจกลยุทธ์การตลาดขั้นสูงผ่านอีเมลเพื่อบรรลุเป้าหมายที่ต้องการ ในบทความนี้ เราจะพูดถึงวิธีที่สามารถรวบรวมข้อมูลการติดต่อที่มีคุณภาพสูงสำหรับลูกค้า การสร้างรายชื่ออีเมล การกำหนดเป้าหมาย การปรับแต่งแคมเปญ การสร้างเนื้อหา การออกแบบอีเมล และใช้เครื่องมือทางการตลาดในการทำแคมเปญ
1. รวบรวมข้อมูลการติดต่อที่มีคุณภาพสำหรับลูกค้า
พื้นฐานของกลยุทธ์ Email Marketing ที่ประสบความสำเร็จ คือ การที่มีข้อมูลที่มีคุณภาพ หากไม่ทราบว่าลูกค้าติดตามหรือสนใจอะไร มันก็ยากที่จะดึงดูดความสนใจของลูกค้าและรักษาลูกค้าเหล่านั้นไว้ได้
สถานที่ที่ดีที่สุดในการรวบรวมข้อมูลที่มีคุณภาพ คือ การตรวจสอบว่าคุณมี fields ที่เหมาะสมสำหรับให้ลูกค้าลงทะเบียน เมื่อสมาชิกมีการลงทะเบียนรับจดหมายข่าวสารของลูกค้าของคุณ คุณสามารถแจ้งให้สมาชิกเหล่านั้นกรอกข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เช่น ธุรกิจ, ขนาดธุรกิจ, รายได้, เพศ, สถานะทางเศรษฐกิจ, อาชีพ, ที่อยู่, สถานภาพการสมรส, อายุ, หรืออื่นๆ ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้คุณเข้าใจกลุ่มสมาชิกของลูกค้าได้มากขึ้น และรู้ช่องทางการติดต่อที่เหมาะสม
อีกวิธีที่มีประสิทธิภาพในการรวบรวมข้อมูล คือ การใช้แอปพลิเคชั่นต่างๆ รวมถึงการใช้ประโยชน์จาก API รวมถึงสามารถใช้ข้อมูลจากการทำ CRM (Customer Relationship Management ) , การใช้ระบบซื้อขายผ่าน online เช่น shopity app และ app อื่นๆ เป็นช่องทางสำหรับแคมเปญการตลาดทางอีเมล
ยิ่งคุณมีข้อมูลมากเท่าไหร่ ยิ่งทำให้รายชื่ออีเมลของคุณเป็นปัจจุบันมากขึ้นเท่านั้น มันสามารถทำให้คุณได้ค่าตอบแทนจากการตลาดมากขึ้นอีกด้วย หากลูกค้าของคุณมีข้อมูลมากตามที่คุณต้องการจะเป็นเพิ่มประสิทธิภาพให้แก่แคมเปญ แต่คุณต้องมีการเชื่อมต่อระหว่างแพลตฟอร์ม เพื่อเชื่อมข้อมูลกับกลยุทธ์การตลาดทางอีเมล
นักการตลาดเริ่มให้ความสำคัญกับข้อมูลพฤติกรรมผ่านอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อให้เข้าใจและดึงดูดความสนใจของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น ข้อมูลเชิงพฤติกรรมช่วยให้นักการตลาดสามารถแบ่งกลุ่มผู้สนใจออกเป็นกลุ่มต่างๆตามความชอบที่กำหนดให้ใช้กลยุทธ์ เช่น เนื้อหาส่วนบุคคล และเนื้อที่เกี่ยวข้องเพื่อส่งข้อความที่ถูกต้องในเวลาที่เหมาะสม
2. สร้างรายชื่อโดยการแบ่งกลุ่มลูกค้า
เมื่อรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องแล้ว สร้างรายการสำหรับแบ่งกลุ่มรายชื่อลูกค้า จะช่วยให้คุณสามารถส่งอีเมลเฉพาะกลุ่มได้ เช่น สมมุติว่าลูกค้าของคุณเป็นบริษัทเกี่ยวกับรถยนต์ แล้วบริษัทมีโปรโมชั่นพิเศษอยู่ในเท็กซัส คุณสามารถเลือกลูกค้าเป้าหมายที่อาศัยอยู่ในเท็กซัสอายุระหว่าง 25-45 ปี เพื่อส่งอีเมลแคมเปญที่เกี่ยวข้องให้กับลูกค้าเหล่านั้นได้
แนวคิดการแบ่งกลุ่มรายชื่อ คือ การสร้างความมั่นใจว่าสมาชิกแต่ละรายจะได้รับอีเมลที่มีความเกี่ยวข้องกับพวกเขา จากสถิติ 74% ของลูกค้าออนไลน์ผิดหวังเมื่อได้รับอีเมลที่ไม่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่พวกเขาสนใจ การแบ่งกลุ่มรายชื่อลูกค้าจะช่วยให้สมาชิกทุกคนรู้สึกว่าแบรนด์หรือผู้ส่งอีเมลสนใจและใส่ใจพวกเขา และยังช่วยในการสร้างความภักดีของแบรนด์ เมื่อลูกค้าสร้างความไว้วางในแก่ลูกค้าของคุณและเป็นการสร้างความสัมพันธ์อีกด้วย
3. สร้างความเฉพาะบุคคลให้กับผู้รับ
อีเมลทั่วไปที่ลูกค้าปิดเพราะไม่รู้สึกว่ามันความเฉพาะเจาะจงถึงพวกเขา ลูกค้าผู้ที่รับอีเมลต้องการความรู้สึกว่าแบรนด์หรือคุณรู้จักว่าพวกเขาเป็นใครและคุณรับฟังสิ่งที่พวกเขาต้องการจากแบรนด์คุณ ระบบการตลาดแบบอัตโนมัติช่วยให้คุณสามารถส่งข้อมูลเป็นรายบุคคล และข้อความเฉพาะบุลคลในระดับที่มั่นใจว่าผู้อ่านแต่ละคนรู้สึกมีส่วนร่วม อีเมลที่มีหัวเรื่องแสดงถึงความเฉพาะของผู้รับจะมีโอกาสถูกเปิดขึ้น 26% และนักการตลาดพบว่ามีรายได้เพิ่มขึ้น 760% จากแคมเปญที่แบ่งกลุ่มผู้รับ
การมีข้อมูลการติดต่อที่มีคุณภาพและรายชื่อที่แบ่งกลุ่ม จะช่วยให้คุณสามารถดึงดูดความสนใจของผู้รับอีเมลที่สนใจแต่ละรายได้ เหมือนคำที่ Ardath Albee กล่าวไว้ว่า “เมื่อคุณได้รับข้อความที่สะท้อนความรู้สึก มันสามารถผลักดันความตั้งใจและส่งผลต่อการกระทำ”
4. ใช้เนื้อหาที่เป็นปัจจุบันร่วมกับการออกแบบที่น่าสนใจ
ระบบการตลาดอัตโนมัติและข้อมูลมีความสำคัญต่อการทำให้การตลาดทางอีเมลประสบความสำเร็จ มันจะไม่ส่งผลกระทบต่อสมาชิกที่รับอีเมลเว้นแต่ว่าเนื้อหาที่ส่งไปเป็นปัจจุบันและมีการออกแบบที่น่าสนใจ สมาชิกที่รับอีเมลต้องการสร้างความสัมพันธ์กับแบรนด์ของลูกค้าคุณ การเล่าเรื่องที่เป็นปัจจุบัน รวมทั้งการศึกษา, ความบันเทิง, และความเป็นผู้นำที่สามารถช่วยสร้างความสัมพันธ์ให้กับแบรนด์ลูกค้าของคุณ แม้ว่าเนื้อหาที่เขียนจะเป็นสิ่งสำคัญ แต่ภาพและการออกแบบ templates ในอีเมลก็สำคัญไม่แพ้กัน การใช้ grids ช่วยในการออกแบบภาพ กราฟฟิคและสี ก็สามารถช่วยในการดึงดูดความสนใจของผู้อ่านได้ สิ่งสำคัญคือต้องใช้การออกแบบ responsive email เนื่องจาก 63% ของอีเมลทั้งหมดถูกเปิดจากโทรศัพท์มือถือและแทบเล็ต
หนึ่งในคุณสมบัติที่สำคัญของแคมเปญคือ ความโดดเด่นที่กระตุ้นการตัดสินใจ ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งของสี ข้อความ CTA(call-to-action เช่น คลิกเลย ! สมัครฟรี !)ที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจที่จะซื้อสินค้าหรือกดขั้นตอนต่อไปของผู้รับอีเมล เนื้อหาและการออกแบบอีเมลที่เป็นเอกลักษณ์ของลูกค้าคุณจะช่วยให้มั่นใจว่าอีเมลที่ส่งไปแต่ละฉบับได้ผ่านการตั้งค่ากลุ่มเป้าหมายและการกำหนดค่าต่างๆมาแล้ว
5.ใช้ระบบการตลาดอัตโนมัติเพื่อวัดผลและปรับปรุงอีเมลแคมเปญ
เครื่องทางการตลาดและการมีทีมการตลาดที่เก่งในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ทำให้คุณสามารถใช้กลยุทธ์เหล่านี้ได้ ระบบอัตโนมัติด้านการตลาดจะช่วยให้คุณรวบรวมข้อมูลลูกค้าที่มีคุณภาพสูงได้ พัฒนารายชื่อลูกค้าแต่ละกลุ่ม ส่งเนื้อหาเฉพาะของแต่ละบุคคลตามกลุ่ม รวมถึงการใช้อีเมลแทมเพลตเข้ามาช่วย
ระบบการตลาดอัตโนมัติจะช่วยให้คุณวิเคราะห์ข้อมูลและรวบรวมข้อมูลจะทำให้คุณเข้าใจลูกค้าผู้รับอีเมล คุณสามารถวัดผลได้จากข้อมูลว่าถูกเปิดจากที่ใด ผู้รับแต่ละคนมีส่วนรวมกับแคมเปญของลูกค้าหรือไม่ มีอัตราการคลิกและอัตราการเปิดเท่าไหร่ เครื่องมือเหล่านี้จะช่วยให้คุณเป้าหมายของแคมเปญได้
สิ่งสำคัญคือต้องหาเครื่องมือที่เหมาะสมกับเอเจนซี่และลูกค้าของคุณ คุณอาจมีพาร์ทเนอร์ที่ลูกค้าของคุณใช้งานและจัดการซอร์ฟแวร์ หรือคุณจัดการมันด้วยตัวคุณเอง ไม่ว่าคุณจะตัดสินใจอย่างไร คุณต้องมั่นใจว่าซอฟต์แวร์เหล่านั้นมีคุณสมบัติตามที่คุณต้องการ