10 สิ่งที่ผู้เริ่มต้นทำ Email Marketing จำเป็นต้องรู้
หากคุณได้ตัดสินใจที่จะเริ่มต้นใช้ Email Marketing ในการทำการตลาดหรือเป็นที่ปรึกษาด้าน Email Marketing ก็ตาม บทความนี้จะแนะนำให้ท่านรู้จักกับความสำคัญของอีเมลและตัวชี้วัด
ซึ่งคุณจะต้องทำความเข้าใจ เพราะเมื่อคุณรู้จักพื้นฐานของอีเมลเหล่านั้นแล้ว คุณจะสามารถประเมินความสำเร็จหรือมีความรู้สำหรับการเป็นที่ปรึกษาด้านอีเมลมาร์เกตติ้งนี้ต่อไป
แนวความคิดที่ 1 : อัตราการเปิด (Open Rate)
อัตราการเปิดอีเมล (email) มีความหมายง่ายๆที่หมายถึงว่ามีกี่คนที่เปิดอีเมลที่คุณส่งไป ( ในรูปแบบเปอร์เซ็นต์ ) ตัวชี้วัดนี้กลายเป็นสิ่งที่มีความสำคัญไม่น้อยกว่าสิ่งอื่น อัตราการเปิดอีเมล (email) ติดตามผลโดยใช้ภาพกราฟิกขนาดเล็กในอีเมล (email) สิ่งที่คุณควรจำไว้คืออัตราการเปิดจะสูงก็ต่อเมื่อแคมเปญของคุณน่าสนใจและตรงกลุ่มเป้าหมาย อย่างไรก็ตามตัวเลขที่แสดงผลก็ไม่ได้ถูกต้องแม่นยำ 100%เสมอไป
แนวความคิดที่ 2: อัตราการคลิก (Click-Through Rate)
อัตราการคลิกถ้าเปรียบเทียบดูแล้ว ก็เหมือนกับอัตราการเปิด แต่ต่างกันที่มีวิธีการวัดที่แตกต่างกัน ซึ่งเป็นที่น่าเสียดายว่าไม่มีมาตรฐานคำตอบสำหรับคำถามที่ว่า " มันคือการคลิกทั้งหมดหรือไม่ มีการนับจำนวนการคลิกต่อการเปิดหนึ่งครั้งหรือไม่ ? “การวัดนี้มีความสำคัญเนื่องจากวัตถุประสงค์ของการส่งอีเมล (email) คือการที่ลูกค้าของคุณจะคลิกเข้าไปยังเพจหรือเว็บไซต์ของคุณเพิ่มมากขึ้น
แนวความคิดที่ 3: การจัดส่งอีเมล (Deliverability)
Email Deliverability คือ ตัวเลขที่บอกถึงอีเมลที่ถูกส่งถึงกล่องข้อความของผู้รับ (แทนที่จะไปยังโฟลเดอร์อีเมลขยะหรือแอดเดรสที่ไม่รู้จัก) การที่จะทำให้ Email Marketing ลงในกล่องข้อความนั้นเป็นกระบวนการที่ยุ่งยากซับซ้อนซึ่งไม่สามารถอธิบายรายละเอียดได้ครบถ้วนสมบูรณ์ภายในบทความส่วนนี้
แนวความคิดที่ 4 : การตั้งค่าส่วนบุคคล(Personalization)
การตั้งค่าส่วนบุคคล คือ คุณสามารถตั้งค่าส่วนบุคคล เช่น ชื่อหรือข้อมูลอื่นๆที่แตกต่างกันในอีเมล (email) ที่คุณส่งได้ ในการดำเนินการนี้ คุณต้องบันทึกฐานข้อมูล จับคู่ข้อมูลให้ตรงกันตรวจสอบให้ดี โปรดใช้ความระมัดระวังเพราะเป็นข้อมูลส่วนบุคคลและผู้ให้บริการอีเมลของคุณจะต้องยอมรับในส่วนนี้ ซึ่งมันไม่ได้เป็นที่เหมาะสมสำหรับการใช้งานในทุกสิ่งอย่าง อย่างไรก็ตามคุณสามารถปรับปรุงเปลี่ยนแปลงข้อมูลเหล่านี้ได้ตามความเหมาะสมของงาน
แนวความคิดที่ 5 : การจัดการรายชื่ออีเมล(List Cleaning/List Scrubbing/List Pruning)
การจัดการรายชื่ออีเมล (email) ของคุณ " ให้สะอาด " เป็นสิ่งที่สำคัญ ยิ่งมีอีเมล (email) ที่ไม่ถูกต้อง ไม่มีอยู่จริงมากเท่าไหร่ โอกาสที่คุณจะโดนสแปมก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น นอกจากนี้ถ้ารายชื่ออีเมล (email) ของคุณไม่สะอาดมันก็จะไม่สามารถแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพที่แท้จริงของอีเมล (email) ของคุณได้ ผู้ให้บริการอีเมลจำนวนมาก จึงได้มีการตัดหรือลบรายชื่อที่ไม่ดีโดยอัตโนมัติ โดยสังเกตได้จาก option ของผู้ให้บริการอีเมลของคุณ
แนวความคิดที่ 6 : สแปม (CAN-SPAM)
สแปม เป็นส่วนนึงของกฎหมายรัฐบาลกลางของสหรัฐอเมริกาตั้งแต่ในปี 2003 ซึ่งตั้งขึ้นมาเพื่อให้ปฏิบัติตาม คือเมื่อมีการส่งอีเมล (email) เกิดขึ้น หากคุณถูกจัดให้เป็นสแปมมากๆ ถือเป็นความผิดทางกฎหมาย อาจต้องเสียค่าปรับและได้รับบทลงโทษของรัฐบาล เพราะฉะนั้นควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าอีเมล (email) ที่คุณส่งถึงนั้นถูกต้องและเป็นอีเมล (email) ที่มีอยู่จริง
แนวความคิดที่ 7: Opt-In/Double Opt-In
มีอีเมล (email) 3 ประเภทที่จะแสดงรายการได้ "Opt-In " หมายความว่าผู้ใช้ของคุณมี "เจอ" รายการอีเมล (email) ของคุณและให้สิทธิ์แก่คุณในการส่งอีเมล (email) ไปให้ได้ " Double Opt-In " หมายความว่าผู้ใช้จะได้ให้สิทธิ์สองครั้ง ( โดยปกติแล้วคือผ่านทางลิงค์การยืนยันในอีเมล ) รายการอื่นๆทั้งหมดจะถือว่าเป็นรายการที่ถูกต้องหรือลูกค้าที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งมีประโยชน์แตกต่างกันไปในแต่ละประเภทของรายการ
แนวความคิดที่ 8: การยกเลิกรับอีเมล (Unsubscribe/Opt-Out)
เป็นสิ่งค่อนข้างง่ายคือ " ยกเลิกการเป็นสมาชิก " คือ การที่ผู้ใช้สามารถยกเลิกการเป็นสมาชิกจากรายชื่ออีเมลของคุณได้ มีอยู่สองชนิดคือ Universal Unsubs และ Unsubs โดย Universal Unsubs คือ การที่ผู้ใช้ขอยกเลิกการรับอีเมล (email) ทุกอีเมล (email) จากคุณไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบใดก็ตาม และ Unsubs คือ การยกเลิกการรับอีเมล (email) เพียงส่วนหนึ่งของรายการของคุณ ตัวอย่างเช่น พวกเขาไม่ต้องการรับข้อเสนอพิเศษแต่ต้องการรับจดหมายข่าวรายสัปดาห์
แนวความคิดที่9: อีเมล HTML / อีเมลข้อความธรรมดา (HTML Email/Plain Text Email)
อีเมล (email) ที่คุณสามารถส่งได้แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ อีเมล HTML ที่ประกอบด้วยสี , ตารางและกราฟิก และอีเมลข้อความธรรมดา ในความเป็นจริงแล้วคุณควรส่งทั้งสองรูปแบบเพราะไม่ใช่ผู้รับทั้งหมดจะสามารถรับอีเมลรูปแบบของ Html ได้ อย่างไรก็ตามคุณอาจจะทดลองใช้และหาข้อผิดพลาดเพื่อหาความเหมาะสมในรูปแบบของการส่งอีเมล (email) ต่อไป
แนวความคิดที่ 10 : อีเมลที่ถูกตีกลับ (Bounce Back)
Bounce คือจำนวนชื่อที่ปรากฏอยู่ในรายชื่อที่ได้รับการตีกลับหรือส่งคืนให้คุณ คือ “ไม่สามารถส่งได้” ซึ่งอาจเป็นเพราะอีเมลแอดเดรสไม่ถูกต้องหรือไม่มีอยู่จริง อีเมลแอดเดรสเต็มกล่องขาเข้า หรืออาจเป็นไปได้ด้วยเหตุผลหลายประการ ตัวชี้วัดนี้จะมีความสำคัญมากที่สุดเมื่อคุณกำลังตัดสินใจซื้อหรือเช่ารายชื่ออีเมลเนื่องจากเป็นการแสดงให้ท่านได้เห็นว่าการซื้อรายชื่ออีเมล (email) มานั้นเป็นวิธีการที่ไม่ถูกต้องและไม่ได้รับผลตอบแทนที่ดี
การทำอีเมลมาร์เกตติ้งมีความซับซ้อนมากกว่า 10 สิ่งนี้ แต่สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้คุณสามารถเริ่มต้นใช้งานได้แน่นอน