10 เทคนิคที่ช่วยให้อีเมลของคุณเข้า inbox
ไม่ว่าคุณจะใช้บริการส่งอีเมลหรือใช้ระบบ SMTP ในการส่ง บาง Email หรือบางข้อความที่คุณส่งมักจะไปจบที่โฟลเดอร์สแปม ผู้ให้บริการอีเมลทั้งหลาย เช่น Hotmail , Gmail , Yahoo , etc. ใช้เทคนิคการกรองสแปมซึ่งแต่ละผู้ให้บิรการก็จะมีเทคนิคที่ต่างกัน เพื่อป้องกันผู้ใช้จาก Email สแปม ดังนั้นเวลาผู้รับได้รับ Email บางประเภทที่ถูกกรอง Email แคมเปญที่คุณส่งไปก็จะไปอยู่ในสแปมหรือ Email ขยะ
ในขณะที่คุณไม่สามารถปรับแต่ง Email ทั้งหมดเพื่อส่งให้ผ่านตัวกรองสแปมทุกตัว แต่คุณสามารถปรับปรุงหรือปรับแต่ง Email แคมเปญของคุณได้ด้วย เทคนิค 10 เทคนิคง่ายๆ ดังนี้
1. อย่าส่งจาก Email ฟรี
จากที่คุณใช้ที่อยู่ Email ส่วนตัวฟรีจาก @hotmail.com , @gmail.com ให้เปลี่ยนไปใช้ที่อยู่ Email ของบริษัทหรือ Email องค์กรของคุณเอง เช่น @nipamail.com , @nipa.co.th หากคุณเป็นนักการตลาดและไม่มีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง คุณควรที่จะสมัครโดเมนไว้ใช้งาน เช่น http://www.ispio.com/ และใช้ที่อยู่ Email จากโดเมนดังกล่าวสำหรับ Email Marketing
2. ใช้ที่อยู่อีเมลผู้ส่งและชื่อผู้ส่งที่สอดคล้องกัน
ไม่ควรเปลี่ยนที่อยู่อีเมลหรือชื่อผู้ส่งบ่อยเกินไป และการที่เปลี่ยนที่อยู่อีเมลหรือชื่อผู้ส่งเพื่อหลีกเลี่ยงสแปมเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ การรักษาที่อยู่อีเมลผู้ส่งและชื่อผู้ส่งจะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับตัวผู้ส่งเอง แต่อีกกรณีที่แนะนำให้เปลี่ยนอีเมลหรือชื่อผู้ส่ง คืออีเมลหรือชื่อผู้ส่งของคุณมีประวัติไม่ดีเพราะหากส่งไปอาจโดนแจ้งสแปมได้ การที่จะขอคืนอีเมลและชื่อผู้ส่งไม่ใช่เรื่องง่ายและใช้เวลานานมาก ในกรณีนี้ทางออกที่ดีที่สุดคือการลงทะเบียนโดเมนใหม่และใช้โดเมนใหม่นั้นในการส่งอีเมลแคมเปญ
3.ไม่ควรส่งรูปภาพหรือกราฟฟิกอย่างเดียว
เราได้เห็นผู้ส่งอีเมลจำนวนมากใช้ HTML ที่สวยงามซึ่งมีรูปภาพขนาดใหญ่เพียงรูปเดียว อย่างไรก็ตามนี่เป็นวิธีที่ทำให้มีปัญหาในการจัดสง เนื่องจากตัวกรองสแปมส่วนมากจะมองไปที่ HTML และข้อความล้วนหากส่วนของข้อความหายไปหรือสั้นเกินไปเมื่อเทียบกับ HTML ตัวกรอกสแปมจะถือว่าอีเมลนี้เป็นสแปม ดังนั้นควรออกแบบอีเมลให้มีทั้งข้อความและรูปภาพ ห้ามใช้รูปภาพเพียงอย่างเดียว
4. ตรวจสอบลิงค์ที่ใส่ในอีเมล
ตัวกรองสแปมจะดูที่ URLs ที่คุณได้ส่งไป ถ้าหาก URL นั้นเป็นโดเมนที่ติดแบล็คลิสต์หรือมีประวัติที่ไม่ดี คุณอาจจะถูกลงโทษได้ คุณควรหลีกเลี่ยงการใช้ URL ที่มีการแบ่งโฟลเดอร์ เช่น www.nipamail.com/email/use เนื่องจากตัวกรองสแปมบางตัวจะมองเป็นด้านลบ นอกจากนี้ไม่ควรใช้ลิงค์ประเภทที่ย่อลิงค์มาแล้ว ควรใช้ลิงค์เต็มรูปแบบที่ไปยังหน้าจริง
5. ตรวจสอบ HTML
หากแท็ก HTML ไม่ถูกต้องจะทำให้ประสิทธิภาพในการส่งอีเมลเข้า inbox ลดลง พยายามไม่คัดลอกเนื้อหาโดยตรงจาก Microsoft Word, Excel, PowerPoint หรืออื่นๆ เพราะโปรแกรมเหล่านี้จะเพิ่มอักขระในเนื้อหาต้นฉบับของเราจะทำให้เนื้อหาที่ไปแสดงในอีเมลผู้รับนั้นไม่สมบูรณ์ และควรใช้ HTML ที่เป็น responsive design เนื้อหาจะได้แสดงได้อย่างสมบูรณ์ในทุกๆอุปกรณ์
6.ไม่ควรเพิ่ม JavaScript, Submission forms หรือวีดีโอลงในเนื้อหาอีเมล
ให้เพิ่มลิงค์ที่จะไปยังวิดีโอหรือฟอร์มต่างๆไว้ในเนื้อหาอีเมล เพื่อเป็นการเพิ่มยอดผู้เข้าชมเว็บไซต์ของคุณมากยิ่งขึ้น
7. ไม่ควรใช้คำที่เป็นสแปมและคำหลอกลวงต่างๆ
จำไว้เลยว่าตัวกรอกสแปมจะไม่ชอบคำหรือวลีโฆษณาเชิงพาณิชย์และการส่งเสริมการขาย ควรใช้คำที่ใช้กันทั่วๆไป เพราะคำเชิงพาณิชย์เหล่านั้นจะทำให้อีเมลแคมเปญของคุณไปจบลงที่โฟลเดอร์สแปม
8. ไม่ส่งไปยังผู้ติดต่อที่ไม่ใช้งาน
คุณควรจะแบ่งกลุ่มรายชื่อผู้ใช้งานกับผู้ที่ไม่ใช้งานออกจากแคมเปญของคุณ เน้นส่งแคมเปญให้รายชื่อที่ใช้งานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดส่ง Inbox คุณควรวัดอัตราการเปิดของอีเมลจากปริมาณอีเมลที่ส่งไปไม่ใช่ระยะเวลาที่ส่ง เช่น เปิดอีเมลล่าสุด 10 ฉบับที่ฉันส่งมาหรือไม่ และเมื่อผู้ใช้งานไม่เปิด ควรพิจารณาว่าจะส่งอีเมลให้อีกหรือไม่ หากไม่ส่งคุณก็นำรายชื่ออีเมลเหล่านั้นออกจากลิสต์แคมเปญ แต่ไม่ได้หมายความว่าให้ลบรายชื่อเหล่านั้นออกจากฐานข้อมูลของคุณ คุณสามารถเก็บข้อมูลเหล่านี้ไว้ทำการตลาดในช่องทางอื่นๆ เช่น Facebook , Google AdWords
9. ตรวจสอบ IP ที่ใช้ส่งว่าติดแบล็คลิสต์หรือไม่
ถ้า IP ของคุณติดแบล็คลิสต์คุณจะไม่สามารถส่งอีเมลของคุณไปหากลุ่มเป้าหมายได้ ดังนั้นคุณควรตรวจสอบ IP ของคุณว่าติดแบล็คลิสต์หรือไม่ เพื่อที่จะได้ส่งอีเมลให้ถึง inbox ผู้รับ
10. รักษารายชื่ออีเมลที่มีคุณภาพไว้
อัตราการตีกลับและอัตราสแปมจะส่งผลต่อชื่อเสียงของ IP ที่ใช้ส่งของคุณ ซึ่งมีผลต่อการจัดส่งแคมเปญสู่ Inbox คุณควรมีกระบวนการที่ใช้จัดการอีเมลตีกลับหรืออีเมลที่ถูกยกเลิกการติดตาม เพื่อให้มั่นใจว่าคุณส่งอีเมลไปยังผู้รับที่พวกเขาต้องการและชอบอีเมลของคุณที่คุณส่งไป