5 วิธีปรับกลยุทธ์ Email marketing ในไทย 2022
Email marketing ถือเป็นอีกช่องทางในการทำการตลาดออนไลน์ที่หลายๆ คนอาจมองข้ามไป เนื่องจากมีความคิดที่ว่า Email marketing เป็นช่องทางการสื่อสารที่เก่าและสื่อสารได้ช้า แต่ความจริงแล้ว Email marketing ถูกใช้เป็นช่องทางในการทำการตลาดออนไลน์ของแบรนด์ใหญ่ๆ หลากหลายแบรนด์ และล้วนแล้วแต่ประสบความสำเร็จทั้งสิ้น
แต่สำหรับการทำ Email marketing ในไทย อาจจะยังต้องมีหลายจุดที่ต้องมีการปรับกลยุทธ์อยู่ ซึ่งวันนี้เราจะพาทุกคนมาดูกันว่าในปีนี้เราควรปรับเปลี่ยนการทำ Email marketing ของเราไปในทิศทางใดบ้าง
เทคนิคการทำ Email marketing ในไทย
1. วางกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับแคมเปญ
เราต้องทราบก่อนว่า Email marketing ของเราที่จะส่งไปนั้นสร้างขึ้นเพื่ออะไร นอกจากนั้นอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือการตั้งเป้าหมายสำหรับยอด Conversion Rate ว่าจะให้มีจำนวนผู้เปิดเข้ามาอ่านอีเมลของเรามากหรือน้อยเพียงใด และคลิกลิงก์ที่เราแนบไปให้เท่าไหร่
ดังนั้นเราจึงต้องกลับมานั่งวางกลยุทธ์และวิเคราะห์ทุกส่วนทีละขั้นตอน นอกจากนั้นหลังจากทำเสร็จในแต่ละแคมเปญแล้วก็ควรที่จะต้องมาเช็กและวิเคราะห์ผลลัพธ์ต่างๆ ว่าเป็นไปตามที่ตั้งเอาไว้หรือไม่ หรือมีจุดไหนที่ต้องปรับปรุง เพื่อนำไปพัฒนาในแคมเปญต่อไปในอนาคต
2. สร้างความพิเศษให้ผู้อ่านด้วยการทำ Personalization
สำหรับการทำ Email marketing สิ่งหนึ่งที่ควรทำก็คือการทำให้ผู้รับอีเมลของเรารู้สึกถึงความใส่ใจหรือรู้สึกพิเศษกว่าการได้รับอีเมลส่งเสริมการขายทั่วไปก็คือการทำให้เขารู้สึกว่าอีเมลฉบับนี้ถูกเขียนขึ้นมาเพื่อเขาโดยเฉพาะ ซึ่งแน่นอนว่าเราไม่สามารถส่งอีเมลหาลูกค้าทุกคนทีละฉบับได้ แต่สิ่งที่เรามารถทำได้คือการใส่ชื่อลูกค้าลงไปในอีเมลโดยการใช้เครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อเลือกหากลุ่มลูกค้าที่มีความสนใจใกล้เคียงกัน และส่งอีเมลที่ตอบโจทย์กับสิ่งที่เขาต้องการได้ นอกจากนั้นวิธีนี้ยังอาจทำให้เราเพิ่มยอดขายได้อีกด้วย
3. เลือกใช้เครื่องมือที่ตอบโจทย์กับกลยุทธ์
การใช้ Marketing Automation หรือการตลาดแบบอัตโนมัติ มาใช้เสริมการทำ Email marketing สามารถช่วยในการส่งข้อมูลข่าวสารต่างๆ ผ่านอีเมลได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยแบรนด์จะสามารถค้นหากลุ่มเป้าหมายที่จะกลายมาเป็นลูกค้าในอนาคตได้ผ่านการใช้เครื่องมือนี้ ซึ่งถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการเพิ่มโอกาสไปสู่การปิดการขาย
4. ค้นหาสิ่งที่ผู้อ่านต้องการ ด้วย A/B Testing
การทำ A/B Testing คือการที่แบรนด์ส่งข้อมูลที่มีความแตกต่างกันออกไปให้กลุ่มเป้าหมาย อาจจะเป็นเรื่องของเนื้อหา หรือภาพที่ใช้ ชื่อหัวข้อ ตลอดจนคำใน Call to Action เพื่อทำการเปรียบเทียบว่าอีเมลไหนมีคนเปิดหรือคลิกเข้าไปที่ลิงก์ที่เราต้องการมากกว่ากัน จะช่วยให้เราสามารถสร้าง Email marketing ที่ถูกใจผู้รับได้มากขึ้นในอนาคต
5. Call to Action ถือเป็นสิ่งที่สำคัญ
หากเราทำเนื้อหารวมถึงโปรโมชันใน Email marketing ที่น่าสนใจแล้ว แต่ยังขาดส่วนที่เป็นปุ่ม Call to Action อาจส่งผลให้ทุกสิ่งที่ทำมาเปล่าประโยชน์ลงได้ เนื่องจากหากเราไม่มีสิ่งที่เข้าไปกระตุ้นให้ผู้อ่านอยากทำตามวัตถุประสงค์ของเรา อีเมลฉบับนั้นก็อาจจะเป็นการประชาสัมพันธ์ทั่วไป แต่ไม่ทำให้เกิดความต้องการซื้อได้มากเท่าไรนัก ดังนั้นการใส่ปุ่ม Call to Action จึงถือเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยกระตุ้นการขายได้เช่นกัน
นี่คือแนวทางในการปรับกลยุทธ์ Email marketing ในไทย ที่อยากแนะนำให้ผู้ประกอบการลองนำไปใช้ เพื่อให้การทำการตลาดออนไลน์ทาง Email marketing ประสบความสำเร็จและเห็นผลได้มากขึ้น เพื่อให้สามารถสร้างยอดขายจากสื่อในช่องทางนี้ได้ในอนาคต