10 ข้อผิดพลาดด้าน Email Marketing ที่ต้องหยุดทำ
Email Marketing มีศักยภาพในการสร้าง ROI สำหรับธุรกิจของคุณ แต่การเพิ่มประสิทธิภาพหรือ ROI ให้ธุรกิจของคุณก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเสมอไป มีหลายสิ่งอย่างที่กำลังติดตาม เพื่อเป็นตัวชี้วัดในการเพิ่มค่า ROI โดยติดตามตั้งแต่เครื่องมือที่ใช้ แคมเปญที่ทำ ไปจนถึงการวิเคราะห์ผลลัพธ์ ส่วนต่างๆ เหล่านี้ต้องมาใช้พิจารณาร่วมกัน เพื่อทำให้การทำการตลาดผ่านอีเมลของคุณมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เราได้รวบรวม 10 ข้อข้อผิดพลาดเกี่ยวกับ Email Marketing ที่เมื่อรู้แล้ว หรือกำลังทำอยู่ให้รีบแก้ไขทันที ดังนี้
1. ไม่ใช้คำกระตุ้นให้เกิดการตัดสินใจ
ถ้าคุณกำลังสร้างอีเมลแคมเปญแต่ไม่บอกให้ผู้รับทราบว่ามันเกี่ยวกับอะไร หรือต้องทำอย่างไรต่อในอีเมล สิ่งนี้ถือเป็นข้อผิดพลาดอย่างหนึ่ง ที่อาจทำให้คุณไม่สามารถบรรลุเป้าหมายได้ และอาจทำให้เสียทั้งเวลาและทรัพยากรอีกด้วย คุณสามารถทำอีเมลของคุณให้เหมาะสมและให้มีความน่าสนใจได้เพียงแค่เพิ่มคำ หรือข้อความที่มีความน่าสนใจ เข้าใจง่าย ชัดเจน และกระตุ้นให้เกิดการตัดสินใจที่จะทำอะไรต่อในอีเมล (เช่น เชิญชวนให้ตัดสินใจคลิกลงทะเบียน) ซึ่งสิ่งนี้สามารถเพิ่มอัตราการเข้าชมเว็บไซต์ หรือทำให้พวกเขาตัดสินใจลงทะเบียน/สมัครสมาชิกเพื่อนำไปสู่การเพิ่มโอกาสในการปิดการขายและอื่นๆ ได้ในอนาคต
ตัวอย่างเช่นในอีเมลนี้จาก Chatbooks เป้าหมายคือการทำให้ซื้อสินค้า บริษัท มีรหัสคูปองเพื่อช่วยกระตุ้นผู้คนให้ดำเนินการนี้ ดังนั้น จึงใช้สิ่งล่อใจดังกล่าวเป็นข้อความ Save 20% Today!”
2. ไม่แบ่งลิสต์รายชื่อให้ชัดเจน
หากคุณไม่ได้แบ่งกลุ่มรายชื่ออีเมลของคุณ คุณจะพลาดวิธีง่ายๆ ในการส่งอีเมลส่วนบุคคล (Personalization) สิ่งนี้จะช่วยเพิ่มความพิเศษให้กับอีเมล เพราะมันสามารถทำให้ผู้รับเกิดความประทับใจและรู้สึกได้ว่าอีเมลนั้นๆ เป็นของพวกเขาจริงๆ เช่น การใส่ชื่อ หรือข้อมูลความสนใจเฉพาะบุคคลเข้าไป จะยิ่งช่วยทำให้ผู้รับรู้สึกว่าน่าสนใจ เพราะมีเกี่ยวข้องกับตัวเอง และเปิดอ่านอีเมล หรือคลิกลิงค์อ่านข้อมูลเพิ่มเติมในทีสุด ซึ่งจะส่งผลให้ผลลัพธ์ในการทำการตลาดผ่านทางอีเมลมีประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น
3. ไม่เขียนเนื้อหาอีเมลให้ตรงตามความสนใจของผู้รับ
อีเมลของคุณมุ่งเน้นไปที่ความสนใจของผู้อ่านหรือมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจของคุณ?
ถ้าคุณอยู่ในกลุ่มหลังคุณกำลังทำข้อผิดพลาดด้านการตลาดที่ใหญ่ที่สุดอย่างหนึ่ง คือ ละเลยการให้ความสำคัญกับพฤติกรรมการใช้งาน หรือลืมสนใจในความต้องการของผู้รับ ปัญหานี้เป็นปัญหาใหญ่เนื่องจากธรรมชาติของผู้รับอีเมล พวกเขามักจะไม่สนใจในสิ่งต่างๆที่ไม่เกี่ยวข้องกับตัวเอง และถ้าคุณสามารถแสดงให้พวกเขาเห็นได้ว่าเนื้อหาที่อยู่ในอีเมล ต้องการสื่อสารกับเขา หรือมีความเกี่ยวข้องกับพวกเขาจริงๆ สิ่งนี้จะช่วยเพิ่มให้อีเมลที่เราส่งไปมีผลลัพธ์ทางการตลาดที่ดียิ่งขึ้น
4. ไม่ใช้อีเมลอัตโนมัติตามนิสัยของผู้ใช้
ตามข้อมูล BigCommerce บอกว่าอีเมลอัตโนมัติเป็นหนึ่งในวิธีการที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดสำหรับการตลาดทางอีเมล ซึ่งส่วนนี้จะช่วยให้คุณมีเข้าไปมีส่วนร่วมกับลูกค้าในเวลาที่เหมาะสมที่สุด
วิธีการทำงาน: คือ วางเส้นทาง (Journey Builder) และกำหนดเกณฑ์ หรือเงื่อนไขให้กับทริกเกอร์ที่วางไว้ในเส้นทางนั้นๆ โดยถ้าเป้าหมายของคุณ คือ ต้องการส่งอีเมลไปยังสมาชิกใหม่ที่ลงทะเบียนเข้ามา คุณก็แค่วาง Journey Builder โดยใช้ทริกเกอร์ส่งอีเมล โดยตั้งเงื่อนไขให้ส่งหาคนที่เพิ่งลงทะเบียนเข้ามาใหม่ คุณสามารถสร้างแคมเปญอีเมลอัตโนมัติด้วย Journey Builder ได้ทุกประเภท ซึ่งส่วนนี้จะช่วยลดการทำงานให้กับทีมงานของคุณ ถ้าคุณยังไม่ได้ใช้ Journey Builder เราคิดว่ามันถึงเวลาแล้วที่จะเริ่มต้น ซึ่งมันจะช่วยให้คุณประหยัดเวลา ช่วยให้คุณสามารถพัฒนาความสัมพันธ์กับผู้รับและช่วยให้ทำการตลาดได้อย่างเหมาะสม และตรงกับความต้องการของผู้รับมากยิ่งขึ้น
5. ไม่ตั้งหัวเรื่อง (Subject) อีเมลให้น่าสนใจ
คุณอาจเคยละเลยเรื่องหัวเรื่องอีเมล (Subject) ของคุณไป เพราะคิดว่าคุณได้สร้างอีเมลที่สวยงามมากเพียงพอแล้ว แต่ความจริงแล้วคุณอาจคิดผิด เพราะหากคุณละเลยเรื่องหัวเรื่องอีเมล (Subject) และมันดูไม่น่าสนใจ คุณอาจจะสูญเสียอัตราการเปิดอ่านอีเมลนั้นไปเลยก็ได้ และเมื่อผู้รับไม่เปิดอ่าน ต่อให้อีเมลที่คุณทำมาจะสวยงามแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์อะไรเพราะพวกเขาก็ไม่ได้เปิดเข้าไปอ่านหรือดูมันอยู่ดี
อย่ายอมเสียทั้งงบประมาณและเวลาไปอย่างเปล่าประโยชน์ เพียงเพราะคุณละเลยการให้ความสำคัญของการตั้งหัวข้ออีเมล (Subject) เรามีเทคนิคดีๆ ในการตั้งหัวข้ออีเมล ที่ง่ายมากๆ ดังนี้
- ทำให้มันสั้นและน่าสนใจ
- กระชับ ได้ใจความ
- เลือกใช้คำขึ้นต้นที่ชวนให้อ่านต่อ
- มีความชัดเจนและเรียบง่าย
6. ไม่เพิ่มประสิทธิภาพสำหรับผู้เปิดอ่านอีเมลบนมือถือ (Responsive)
StatCounter กล่าวว่าคนส่วนใหญ่นิยมเข้าใช้อินเทอร์เน็ตบนมือถือ มากกว่าคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปและแท็บเล็ต ถ้าคุณไม่ได้เพิ่มประสิทธิภาพการตลาดทางอีเมลให้กับผู้ใช้งานบนมือถือ หรือไม่ทำให้การแสดงผลของอีเมลเป็นไปในรูปแบบ Responsive ข้อความในอีเมลของคุณอาจจะแสดงผลได้ไม่ดีนัก ไม่สวยงาม หรือแสดงผลไม่ครบถ้วน ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้น นอกจากผู้รับจะไม่เปิดอ่านอีเมลของคุณแล้ว ยังมีโอกาสที่พวกเขาจะลบอีเมลของคุณไปเลยอีกด้วย ดังนั้น ควรปรับแต่งอีเมลให้รองรับการแสดงผลบนอุปกรณ์ต่างๆ ให้เหมาะสม ทั้งบนคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ตและสมาร์ทโฟน
7. ไม่มีการใส่ข้อความ (หรือ Alt Text)
หากส่วนประกอบในอีเมลมีแต่รูปภาพ นั่นเท่ากับว่าอีเมลของคุณกำลังมีปัญหา การส่งอีเมลที่มีแต่รูปภาพ ส่วนใหญ่แล้วภาพนั้นจะไม่แสดงผลให้แบบอัตโนมัติในการเปิดอ่านครั้งแรก และก็มีโอกาสน้อยมากที่พวกเขาจะกดให้แสดงภาพเพื่อดูมัน ซึ่งหมายความว่าหากอีเมลของคุณคือภาพทั้งหมดและไม่มีข้อความอะไรเลย ผู้ใช้จะไม่สามารถรู้ได้เลยว่าอีเมลที่ส่งไปนั้นเกี่ยวกับอะไร หรือต้องการให้ทำอะไรกับอีเมลนั้นต่อไป ซึ่งแน่นอนว่าความน่าสนใจในอีเมลนั้นก็จะลดน้อยลง ดังนั้น การเพิ่มข้อความ หรือข้อความ alt ให้กับรูปภาพเป็นสิ่งที่ควรทำทุกครั้ง
8. ไม่ได้ส่งอีเมลอย่างมีกลยุทธ์หรือการวางแผลที่ดี
ผู้รับอีเมลของคุณต้องการรับอีเมลจากคุณบ่อยเพียงใด? ถ้าคุณตอบคำถามนี้ไม่ได้ถือเป็นอีกความผิดพลาดทาง Email Marketing ที่สำคัญอย่างหนึ่ง เพราะถือว่าคุณไม่ได้ให้ความสนใจกับพฤติกรรม หรือความต้องการของกลุ่มเป้าหมายของคุณมากพอ นั่นเท่ากับว่าคุณไม่ได้ทำความเข้าใจกลุ่มเป้าหมาย และไม่ได้มีวางแผนกลยุทธ์ให้ดีก่อน หลายแบรนด์มีการสำรวจ หรือสอบถามความต้องการของผู้รับก่อนว่าต้องการรับข้อมูลข่าวในความถี่ประมาณเท่าไหร่ หรือต้องการรับข่าวสารเกี่ยวกับอะไรบ้าง เป็นต้น เพื่อใช้สำหรับวิเคราะห์ จัดกลุ่ม และเตรียมเนื้อหาอีเมลที่ตรงกลุ่มมากยิ่งขึ้น โดยถ้าคุณเริ่มเก็บข้อมูล และสามารถแบ่งรายชื่อออกเป็นส่วน ๆ ได้อย่างชัดเจนแล้ว คุณสามารถใช้ระบบอัตโนมัติ (Automation) หรือ Journey Builder ในการทำ Email Marketing รวมถึงใช้ติดตามผลเพื่อนำไปวิเคราะห์และวางแผนกลยุทธ์ให้ดียิ่งขึ้นต่อไป
9. ไม่มั่นจัดการรายชื่ออีเมล (Cleansing database)
จำนวนรายชื่ออีเมลทั้งหมดของคุณมากเท่าไหร่ไม่สำคัญเท่ากับจำนวนอีเมลของคนที่มีความสนใจอย่างแท้จริง หรือเป็นกลุ่มเป้าหมายของเราจริงๆ หากรายชื่อของคุณมากขึ้นแต่คุณมีสมาชิกที่ไม่ใช้งานอีเมล หรือเป็น Hard bounce email รายชื่อที่มากขึ้นก็ไม่ได้ช่วยให้กำไรของคุณดีขึ้นแน่นอน อะไรจะช่วยให้กำไรของคุณมากขึ้น คำตอบคือ ผู้ใช้ที่มีเป็นกลุ่มเป้าหมายโดยแท้จริง หรือให้ความสนใจในสิ่งที่คุณกำลังจะส่งให้จริงๆ ดังนั้น คุณควรทำจัดการรายชื่ออีเมลของคุณให้เหมือนกับ “ทำความสะอาดบ้าน” หมั่นทำอยู่เสมอ เพราะเมื่อคุณจัดการ หรือลบอีเมลผู้ที่ไม่ได้มีส่วนร่วม หรือไม่มีฟีดแบ็คอะไรกลับมา มันจะเหลือแฟนตัวจริงของแบรนด์ของคุณ หรือเป็นกลุ่มเป้าหมายที่แท้จริง และนี่ถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะทำให้การทำการตลาดผ่านทางอีเมลมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
10. ไม่ทำ A/B Testing อีเมล
การทดสอบอีเมลของคุณเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับความชอบของผู้รับ เมื่อคุณทราบแล้วว่าลักษณะภาพ ข้อความ หรือหัวข้ออีเมลแบบไหน ที่น่าสนใจที่สุดสำหรับผู้รับคุณสามารถใช้ความรู้นี้เพื่อสร้างอีเมลให้น่าสนใจและน่าตื่นเต้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำการตลาดผ่านทางอีเมลให้มากยิ่งขึ้น
email marketing, Journey Builder, Email API, SMS Marketing Service,